Fri. May 23rd, 2025

ธุรกิจยางพาราถือเป็นธุรกิจส่งออกอันดับต้นๆ ของประเทศไทยและหนึ่งในบริษัทที่พึ่ง IPO ล่าสุดสำหรับตลาดทุนในประเทศไทยนั้นชื่อว่า บริษัทนอร์ทอีส รับเบอร์ ซึ่งเป็นผู้แปรรูปยางพาราส่งออกให้กับหลายๆ บริษัททั่วโลก

 

สำหรับ Q3 นั้น ผล ประกอบการ ของบริษัทเป็นดังนี้

บริษัทมีรายได้ 6,574 ล้านบาท

โดยมีกำไรบรรทุดสุดท้าย หรือ net proft margin ที่ 4.4%

มีปริมาณยางขายออกทั้งสิ้น 137,092 ตัน

มีราคาขายเฉลี่ยออกอยู่ที่ 47,886 บาท

 

ซี่งใน Q3 นั้นกำลังการผลิตของ บริษัทเป็นดังนี้

กำลังการผลิต ยางแผ่น RSS อยู่ที่ 60,000 ตันต่อปี หรือ 15,000 ตัน ต่อไตรมาส ซึ่ง utilisation ของ Q3 อยู่ที่ 80%

กำลังการผลิตยางแผ่น STR เบอร์ 20 อยู่ที่ 172,800 ตันต่อปี หรือ 43,200 ตัน ต่อไตรมาส ซึ่ง utilisation ของ Q3 อยู่ที่ 100%

ซึ่งใกล้เคียงกับจำนวนที่ทางบริษัท แจ้ง อยู่ที่ 55,556 ตัน สำหรับ Q3

ซึ่งตัวเลขที่น่าสนใจของ Q นี้คือราคาขายของสินค้านั้นเป็นราคา แบบ Cost plus คือการที่บริษัท  ขายสินค้าโดย fix margin ทำให้ถึงแม้ราคายางต่ำก็จะไม่เป็นปัญหาสำหรับบริษัท

 

สำหรับสิ่งที่น่าสนใจโครงการอนาคตของ NER ของปีหน้าที่สนใจมีดังนี้

โครงการสร้าง บ่อ biogas ซึ่งสามารถเพิ่มกำไรได้ของบริษัทอยู่ที่ 26.3 ล้านบาทต่อปี ( คำนวนจากสัดส่วนประหยัดได้ 88  ล้านบาทและมีต้นทุนการผลิต 70%) เริ่มรับรู้ Q1/2019

โครงการโรงไฟฟ้าขนาด 2 MW ซึ่งน่าจะช่วย save รายได้ อยู่ที่ 5.6 ล้านบาทต่อปี และน่าจะเพิ่มกำไรบริษัทได้อยู่ที่ 1.68 ล้านบาท (ค่า untilisation ที่ 80% และต้นทุนการผลิตที่ 70%) เริ่มรับรู้ Q2/2019

การเปิด line การผลิตใหม่ RSS mixture อีก 60,000 ตันซึ่งปีหน้าทั้งปี คาดว่าบริษัทจะมียอดขายจาก line ผลิตนี้ประมาณ 30,000 ตันทั้งปี เริ่มรับรู้ 2019

การเปิด line ผลิต STR เบอร์ 20 อีก 172,800 ตันต่อปี ซึ่งจะเริ่ม เปิด line การผลิตได้เต็มปีใน 2021

ซึ่งหากมองตัวเลขนี้แล้วนั้น

2018 ทั้งปีบริษัทน่าจะมีกำไรอยู่ที่ 409 ล้านบาท

2019 ทั้งปีน่าจะมีกำไรอยู่ที่ 503.6 ล้านบาท ( การเพิ่ม RSS mixture (50%) + โรง gas + โรงไฟฟ้า )

2020 ทั้งปีน่าจะมีกำไรอยู่ที่ 512 ล้านบาท ( การเพิ่ม RSS mixture (60%) + โรง gas + โรงไฟฟ้า เต็มปี )

2021 ทั้งปีน่าจะมีกำไรไม่ต่ำกว่า 790 ล้านบาท (การเปิดโรงงาร STR เบอร์ 20 ใหม่ utilisation ที่ 75%)

 

ซึ่งราคา NER นั้นอยู่ที่ 1.92 บาท ณ วันที่ 27 november 2018 นั้นซึ่งหากเอากำไรทั้งปีของ 2018 ไปคำนวน P/E แล้วนั้นจะได้เป็น

2018 P/E 7.3 เท่า

2019 P/E 6 เท่า

2020 P/E 5.8 เท่า

2021 P/E 3.75 เท่า

ซึ่งถือเป็นหุ้นตัวหนึ่งที่น่าสนใจเลยที่เดียวสำหรับ P/E อนาคตที่น่าสนใจเลยทีเดียว การคำนวน P/E ที่ผมคำนวนนำเอา กำไร มาหารด้วยจำนวนหุ้น และ นำไปหารต่อด้วยราคาตลาด ทำให้การคำนวนอาจไม่ตรงกับตลาดหรือที่อื่น

ซึ่งตัวเลขดังกล่าวถือว่าน่าสนใจเลยที่เดียว ตัวแปรที่สำคัญสำหรับ NER คงหนีไม่พ้น

  1. ราคาน้ำมัน
  2. ราคายางพารา
  3. อัตราแลกเปลี่ยน

ซึ่งหากตัวเลขดังกล่าวดีเชื่อได้เลยว่ามีอ่ะไรดีกว่านี้แน่นอน….