Fri. May 23rd, 2025

อากเอ๋ยถึงรถยนต์ไฟฟ้าแล้วนั้น tesla อาจจะเป็น top of mind ทั่วโลกแต่สำหรับคนจีนและคนในอุตสาหกรรมแล้วนั้น BYD คือผู้เล่นเบอร์ที่แท้จริง และ ครอง market share มากที่สุดในโลกโดยเฉพาะ eletric car หรือ รถไฟฟ้า

ปี 2017 นั้น BYD ทำรายได้ไปทั้งสิ้น 102,000 ล้าน Yuan และ profit margin  ที่ 4% โดยสัดส่วนรายได้นั้น 8 % เป็นยอดขายของแผง Solar Cell และ battery และอีก 36% นั้นเป็นรายได้จากการรับผลิตชิ้นส่วนโทรศัพท์และประกอบ และ 53% นั้นเป็นการขายรถยนต์ และอุปกรณ์ต่อเนื่องของรถยนต์

ซึ่งหากเจาะไปที่ยอดขายตาม zone หรือพื้นที่แล้วนั้น BYD เรียกได้ว่าแถบจะไม่ออกไปขายรถยนต์ตัวเองนอกประเทศเลย เพราะยอกขาย BYD แถบทั้งหมดนั้น หรือ ประมาณ 87% มาจากยอดขายภายในประเทศจีน และมีเพียง 2% เท่านั้นที่เป็นยอดขายภายใน USA

ในปี 2017  ปีเดียวบริษัทสามารถเปิดส่งรถไฟฟ้าออกไปได้มากถึง 110,000 คันซึ่งเป็น 0rder ทั้งจาก รถยนต์บุคคล และ รถ public transport โดยบริษัทมี order จากทั่วโลกไม่ว่าจะเป็น จากในประเทศเอง หรือจากสนามบิน และ ผู้ให้บริการขนส่งมวลชลทั่วโลกร่วมถึง London  นอกจากรถยนต์ไฟฟ้า แล้วนั้น  BYD ยังผลิตและส่งมอบรถยนต์ น้ำมัน ไปได้ถึง 245,000 คัน อีกด้วย

ซึ่งหากมองอนาคต รถไฟฟ้าแล้วนั้น BYD ถือว่าเป็นบริษัทผู้ประกอบการที่ค่อนข้างมีธุรกิจต้นน้ำแถบจะครบ ทุกธุรกิจ

ในปี 2018  นี้ BYD มีแผนที่จะเปิดตัวโรงผลิต battery ขนาด 28 GWh / 48 GWh ในปี  2019 และ ครบ 60GWh ครบตามกำหนดในปี 2020 ซึ่งจะถือว่าเป็นโรงไฟฟ้าที่ใหญ่ที่ในโลก เพราะโรงงาน Tesla เองนั้นยังมีกำลัง 35 GWh  ภายในปี 2018 

ก็ต้องรอดูกันต่อว่าสงครามรถไฟฟ้าจะเป็นอย่างไร เพราะปัจจุบันผู้เล่นในตลาดยังไม่มี winer ชัดเจน เพราะต่างคนต่างครองส่วนแบ่งตลาดในบ้านตัวเอง และคำถามที่น่าใจคือ trend ของรถไฟฟ้าจะมาเร็ว ตาม demand หรือไหม นอกเหนือจากนั้น คำถามที่ยังต้องการคำตอบคือ จุดคุ้มทุน ของรถไฟฟ้าโดยเฉพาะสำหรับ user ทั่วไปแล้วนั้นจะอยู่ที่ตรงจุดไหน