Fri. May 23rd, 2025

เชื่อว่าข่าวใหญ่ของวงการหุ้นคงไม่มีอ่ะไร shock กว่าการที่ บริษัท PTG ประกาศผลกำไร สำหรับ Q3 ว่ามีเพียง 1 ล้านลาท เท่านั้นสำหรับ บริษัทที่ market cap เคยไม่อยู่แถวๆ 50,000 ล้านบาท ซึ่งคนรอบตัวหลายๆ คนถึงกับถามว่าเกินอ่ะไรขึ้นเพราะ เป็น 1 คนที่เชียร์ หุ้นนี้ อย่างจริงจัง ( ขายไปแล้วตอนนี้ เพราะไปซื้อตัวอื่นที่มี  protential )

เกิดไรขึ้นใน Q3 อย่างที่ทุกคนรู้ Q3 ราคาน้ำมันตลาดโลกมีการกระโดดและราคาขึ้นอย่างต่อเนื่อง จนทำให้ รัฐบาลเกินมาตการ การ ตึงราคาน้ำมัน disel ไม่ให้เกิน 30 บาท ซึ่งส่งผลกระทบโดยตรงกับ ค่าการตลาด ซึ่งปรกติแล้วนั้นทาง กรมพลังงานจะควบคุมให้อยู่ในช่วง 1.5 – 2 บาทต่อลิตร แต่ใน Q3 ค่าการตลาดของทั้งอุตสาหกรรม เหลือเพียง  1.2 บาท ต่อ ลิตร ซึ่ง .3 บาทต่อลิตร ขั้นต่ำอาจบอกว่าไม่เยอะแต่หากธุรกิจ PTG ขายน้ำมันทั้ง Q3 ทั้งสิ้น 935 ล้านลิตร หรือ ค่าการตลาด ของ  PTG ถ้าลดลง .10 บาทจะส่งผลโดยตรงต่อกำไรของ PTG ที่ 93.5 ล้านบาท !!!!

ซึ่งหากมองย้อนกลับไปแล้วนั้นหาก Q3 นั้นค่าการตลาดเป็นปรกติแล้วนั้น ที่ 1.5 บาทอย่างแย่ รายได้ของ PTG จะเพิ่มขึ้นมาหรืออยู่ที่ ประมาณ 270 ล้านบาท ซึ่งจะเทียบเท่ากับ  รายได้และกำไรปรกติ

แล้ว Q4 จะเป็นยังไง

ราคาน้ำมันตลาดโลก ต่ำกว่า Q3 ทำให้ราคาต้นทุน disel ต่ำลงมาจนค่าการตลาดของน้ำมันโดนเฉพาะในดีเซลซึ่งเป็นยอดขายหลักของ PTG กลับมาเป็นปรกติ และน่าจะรักษา ค่าการตลาด ทั้ง Q ได้ต่อเนื่องและน่าจะกลับมาทำกำไรได้ไม่ต่ำกว่าปีที่แล้ว

แล้วป้องกันความเสี่ยงยังไง

  1. การกระจายรายได้และบริหาร สัดส่วน  disel ให้ลดลงกว่านี้ เพราะน้ำมัน เบญชินการควบคุมน้อยกว่า
  2. Non – oil อย่างที่ทางผู้บริหาร กล่าวย้ำมาตลอดเนื่องค่าการตลาดเป็นการควบคุมของภาครัฐ เพื่อป้องกันความเสี่ยงตรงนี้การเร่งขยาย ธุรกิจกลุ่ม non-oil ให้ได้เร็วยออมหมายถึงการลดการ swing ของค่าการตลาด ของบริษัท
  3. Supply chain ถึงแม้ PTG มีแผ่นการทำทั้ง   forward และ backward integration อย่างต่อเนื่องแต่ถ้าพูดในจำนวน out let หรือ contribution แล้วนั้น ยังไม่มีตัวไหนโดดเด่นมาก ไม่ว่าจะเป็น Max mart หรือ PunThai ซึ่งหากสามารถ focus ที่ service เหล่านี้เฉพาะ เพื่อมาเพิ่ม non oil โดยเร็ว

หากมองว่า ราคา PTG ที่ลงมาจากจาก หลัก หลายสิบบาท เหลือเพียง  ต่ำกว่า 10 ณ วันที่ 21 Nov นั้น ตัวเลข 1 ที่ผมบอกว่าสำคัญคือ average per store sale อยู่ที่ประมาณ 2.1 ล้านลิตร ต่อ ปี ต่อสาขา ( เป็นการคำนวนโดยอิง 9m 2018 หาค่าเฉลี่ย ) ซึ่งเป็นตัวเขที่เพิ่มขึ้นมาจาก  1.82 ล้านลิตร ต่อปี ต่อสาขาจากปี 2017 ซึ่งก็ถือว่าโต ประมาณ 11% ซึ่งก็ยังคงโตต่อได้ ถ้ามองเฉาะต้ว น้ำมัน ไม่มีตัวอื่น

สำหรับ PTG Q4 กำไรน่าจะกลับมาแต่ ใน 2019 นั้น ต้องรอดูต่อแผ่นขยายกิจการ และ ตัว contribution สำคัญอีกหนึ่งตัวซึ่งก็คือ Plam complex ว่าจะช่วย PTG ใหญ่ได้มากน้อยขนาดไหน