Wed. May 21st, 2025

SPA ธุรกิจนวด ๆ รายได้ 1,000 ล้าน

ประเทศไทยในสายตาของคนต่างชาติแล้วนั้นนอกจาก อาหารไทยต้มยำกุ้ง แล้วนั้นอีกหนึ่งเสน่ห์ของเมืองไทยคงหนีไม่พ้น การนวด

การนวดถือเป็นศิลปะและการให้บริการด้วยทักษะส่วนบุคคลเพื่อให้บริการผ่อนคล้ายกับลูกค้า ซึ่งด้วยบริการนวดเป็นบริการที่ใช้ทักษะส่วนบุคคลทำให้มีการเกิดขึ้นของร้านนวด ขนาดเล็กใหญ่มากมาย โดยเฉพาะตามแหล่งท่องเที่ยวต่าง ๆ

และนี้เองทำให้บริษัท SPA หรือ บริษัท สยามเวลเนสกรุ๊ป จำกัด (มหาชน) เห็นโอกาสในการทำร้านนวดที่ให้บริการแบบมีมาตรฐานและการบริการที่สามารถเชื่อถือได้ ซึ่งปัจจุบัน SPA มีสาขาในการให้บริการต่างๆ มากกว่า  52สาขา  ภายใต้ Brand การตลาดที่หลากหลาย

Let relex (4 star)

Baan Suan Massage (3 star)

Rarinjinda (5 star)

นอกเนื่องจากการให้บริการนวด และ สปา แล้วนั้นบริษัทยังมีบริการที่เรียกว่า Stretch me ซึ่งเป็นบริการ ยืดเส้น แนวออกกำลังกายที่ปัจจุบันมีการเปิดสาขาไปแล้วทั้งสิ้น 2 สาขา

สำหรับ Business model ของทาง SPA นั้นนอกจากจะมีการขยาย Brand ด้วยการเปิดสาขาเองแล้วนั้น บริษัทยังมีการขยายธุรกิจในรูปแบบของ franchise ในต่างประเทศอีกด้วย

สำหรับรายได้และกำไรของบริษัท

2016: รายได้ 725.19 ล้านบาท กำไร 140.96 ล้านบาท

2017: รายได้ 947.64 ล้านบาท กำไร 175.17 ล้านบาท

2018: รายได้ 1,134.25 ล้านบาท กำไร 205.60 ล้านบาท

ในด้านของโครงสร้างรายได้บริษัทนั้น

87%: ธุรกิจ SPA ผ่านช่องทางทั้ง 3 brand

6%: ธุรกิจโรงแรม และ อาหาร

5%: ผลิตภัณฑ์ SPA

2%: อื่นๆ

หากแบ่งสัดส่วนของลูกค้าแล้วนั้น SPA จะมีลูกค้าแบ่งได้เป็น Segment top 3 แล้วนั้นจะได้ ตามนี้

55%: ลูกค้าจากจีน ฮ่องกง และ ไตวัน

25%: ลูกค้าคนไทย และ Ex-pat

10%: เกาหลี และ ญี่ปุ่น

ซึ่งในปี 2019 นี้ SPA ได้เริ่มขยับขยายการให้บริการไปสู่บริการ Face Care ที่  terminal 21 พัทยา และ บริษัทได้มีการถือหุ้นใหญ่ ในบริษัท ชบา nail ซึ่งเป็นผู้ให้บริการร้านทำเล็บซึ่งปัจจุบันเปิดให้บริการไปแล้วรวมทั้งสิ้น 9 สาขา ซึ่งก็น่าสนใจไม่น้อยกับกลยุธ์ ในการ diversify portfolio ของบริษัทออกไป

ซึ่งหากดูแผนการขยายสาขาของบริษัทแล้วนั้น

ปัจจุบัน ณ สิ้นปี 2018 บริษัทมีสาขาสาขาทั้งสิ้น 49 สาขา (สำหับ brand let relex และ BaanSuan) ซึ่งในปี 2019 นั้นบริษัทมี plan จะเปิดให้ได้ทั้งสิ้น 60 สาขา และใน 2020 ตั้งเป้าไว้ทั้งสิ้น 70 สาขา เฉพาะสาขาในประเทศเท่านั้นไม่รวมรูปแบบการขาย franchise ออกไปในต่างประเทศ

น่าสนใจไม่น้อยกับธุรกิจ สปาที่เปิดให้บริการไปทั่วประเทศและกำลังจะขยายไปในต่างประเทศ ล่าสุดในปี 2018 บริษัทให้บริการลูกค้าไปทั้งสิ้น 1.1 ล้านครั้งซึ่งอาจจะตั้งสมมุติฐานได้ว่า บริษัทเป็น Brand  ที่มีลูกค้าเยอะที่สุดก็ว่าได้ แต่เนื่องจากธุรกิจนี้เป็นธุรกิจที่ค่อนข้างใหญ่ทำให้บริษัทน่าจะเติบโตได้อีกไม่น้อยเลยทีเดียว

ความเห็นส่วนตัวแล้วนั้น ตัวบริษัทยังมี  potential ค่อนข้างมากแต่เรื่องความเสี่ยงของลูกค้าก็เป็นเรื่องที่หลีกเหลี่ยงได้ลำบาก แต่บริษัทก็แก้เก็บได้ดีในการ diversify บริการไปในบริการรวมแบบ ต่าง ๆ ที่จะเพิ่มฐานลูกค้าในประเทศ 

และใน long term คือการเอาบริการ นวด และ สปา ไปให้ใกล้ลูกค้าที่สุดแทนที่จะต้องรอลูกค้าเข้ามาในประเทศ

อ้างอิง https://www.set.or.th/dat/registration/oppday/presentation/2018q4/20190503-2018Q4-SPA.pdf