Tesla ปิด Showroom ขายรถ Online
เราทุกคนคงจะชินเคยกับการการขายรถผ่านระบบ showroom แต่นั้นอาจจะไม่ใช่เรื่องที่ บริษัทรถยนต์ไฟฟ้า ที่มี Elon Musk เป็นเจ้าของ หรือบริษัท Tesla จะทำ
ซึ่งก่อนที่จะน่านี้ Tesla ใช้ระบบการขายรถยนต์ผ่านระบบ Showroom ซึ่งมีทั้งสิ้น 378 แห่งทั่วโลก

ซึ่งการใช้ระบบ Showroom นั้น Elon Musk ได้ให้ความเห็นว่าการขายรถผ่านระบบ Show room ทำให้ราคารถยนต์ของ Tesla สามารถลดลงมาได้จากราคาในปัจจุบัน 6%
ซึ่ง Elon Musk มองว่าด้วย Trend ปัจจุบันคนต้องการซื้อของ Online มากขึ้นซึ่ง Musk และ Breuerได้แชร์ความเห็นว่า “ เราไม่ต้องการคนทั้งโลก ซื้อรถยนต์ของเขา แต่ที่เขาต้องการคือคนที่ต้องการซื้อรถยนต์ของเขาตั้งแต่การครั้งแรกที่มันถูกสร้างขึ้น”
ซึ่งหลาย ๆ คนอาจจะถามว่าจะมีการ test drive กันยังไง แต่ทางบริษัทได้แจ้งว่าหากใครสั่งรถผ่าน online แล้วนั้นสามารถนำรถไปขับได้ 7 วัน หรือระยะทาง 1,000 กิโลเมตร และหากไม่พอใจสามารถนำมาคืนและได้รับเงินคืน 100%
ซึ่งก็น่าสนใจไม่น้อยกับการขายรถผ่านระบบ Online ทั้งหมด ซึ่งในปี 2018 Tesla มียอดส่งมอบรถ Tesla Model 3 ไปที่ทั้งสิ้น ใกล้เคียง 140,000 คัน ซึ่งอาจจะเป็นตัวเลขที่ไม่เยอะ เมื่อเทียบกับตลาด Electric Vehicle ที่มีขนาดเพียง 2% เท่านั้น
หากใครเคยได้ข่าวเกี่ยวกับ Tesla นั้นน่าจะเคยได้ข่าวเรื่อง Tesla มีไปปัญหาเรื่องกำลังการผลิต ซึ่งหลังจาก Elon Musk ลงไปคุมงานเองแล้วนั้นปัจจุบัน Tesla Model 3 มีกำลังการผลิตที่ค่อนข้างนิ่งแล้ว หรือ กำลังการผลิต ที่ 7,000 คันต่อสัปดาห์
ซึ่งหากดูที่ตลาดรถยนต์ไฟฟ้าและการส่งมอบรถยนต์ในปี 2018 แล้วนั้นในปัจจุบันตลาดรถยนต์สามารถแยกได้ตามนี้
US/Canada: 280,000 คัน
Europe: 400,00+ คัน
China: 510,000+ คัน
Rest of the world: 250,000+ คัน

ในปี 2019 บริษัทมีการเริ่มสร้าง Gigafactory ในประเทศจีนซึ่งถือเป็นการเริ่มเตรียมตัวของ Tesla เพื่อจะบุกตลาดในประเทศจีน ที่ปัจจุบันแล้วนั้น Tesla เองยังเจาะตลาดเข้าไปไม่ได้ เนื่องจากเรื่องกำลังการผลิตที่ยังผลิตไม่ทัน
อีกหนึ่งธุรกิจของ Tesla คือการผลิต energy storage ซึ่งในหากดูใน Segment ของธุรกิจนี้แล้วนั้น สินค้าที่หลายๆ คนอาจจะรู้จักน่าจะเป็น Powerwall และ Powerpack ซึ่งในธุรกิจนี้แล้วนั้นมีตัวเลขี่น่าสนใจคือ ในปี 2018 บริษัททำการ deployed ไปทั้งสิ้น 1,000 Mwh และ ในปี 2019 ตั้งเป้าที่จะ deploy ทั้งสิ้น 2,000 Mwh ซึ่ง Tesla เองได้รับงานในการทำ projects ที่เกี่ยวข้องกับ microgrid มากถึง 100 projects ใน 32 ประเทศ

หากมาดูกำไรขั้นต้น หรือ Gross Margin แล้วนั้นก็น่าสนใจไม่น้อย
ธุรกิจรถยนต์
2017: 13.8%
2018: 24.7%
ธุรกิจ energy storage
2017: 5.5%
2018: 11.5%
ในมุมมองของ Tesla แล้วนั้นหาก Gigafactory แห่งใหม่ที่ประเทศจีนแล้วบริษัท Tesla คาดว่าน่าจะเพิ่ม Production รวมไปเป็น 10,000 คัน ต่อ สัปดาห์ ภายใน Q4 2019 ถึง Q2 2020
ก็น่าติดตามไม่น้อยสำหรับ Tesla บริษัทที่ถือได้ว่าเป็นบริษัทรถยนต์ไฟฟ้าที่มีชื่อเสียงมากที่สุดแห่งหนึ่งไม่ว่าจะเป็นด้านของเทคโนโลยี และ ด้านของเจ้าของก็น่าติดตามไม่น้อยว่า Tesla จะโต และ scale production ได้มากทันความต้องการหรือไม่ และ ปัจจุบัน Tesla ยังไม่มีกำไรทำให้น่าสนใจไม่น้อยว่าบริษัท จะ turn profit เมื่อไร
สำหรับประเทศไทยแล้วนั้นการใช้รถไฟฟ้าอย่างจริง ๆ จัง ๆ อาจจะต้องรอสักพักใหญ่ เพื่อความชัดเจนในด้านนโยบาลภาษี ซึ่งหากนโยบาลภาษีไม่ชัดเจนแล้วนั้น ราคารถยนต์ ไฟฟ้าก็อาจจะมีราคาสูงจน ประชาชนไม่อาจเอื้อมถึงได้
อ้างอิง
http://ir.tesla.com/static-files/0b913415-467d-4c0d-be4c-9225c2cb0ae0